พลังและประสิทธิภาพของกล้อง MIRRORLESS ที่ไร้การประณีประนอม
ต้องยอมรับว่าในช่วง 2-3 ปีมานี้ ฟูจิฟิล์มได้พัฒนากล้องในอนุกรม X Series ไปอย่างมากตั้งแต่การเปิดตัวของ X-E2 และ X-T1 ในปี 2013 และ 2014 ฟูจิฟิล์มได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกล้องฟอร์แมต APS–C ว่า  สามารถทำได้เกือบจะเทียบเท่ากล้องฟูลเฟรม แต่โดดเด่นด้วยขนาดที่เล็กกว่า เบากว่า ทั้งกล้องและเลนส์ โดยฟูจิฟิล์มได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเลนส์เป็นพิเศษ เพื่อให้ได้คุณภาพที่เยี่ยมยอดตามการพัฒนาของกล้องและเซ็นเซอร์รับภาพรุ่นใหม่ๆ
ในช่วง 3-4 ปีก่อน กล้องมิเรอร์เลสของฟูจิฟิล์มแม้จะโดดเด่นด้านคุณภาพ แต่ระบบออโตโฟกัสยังถูกติติงว่าไม่เร็วเท่าใดนักและการแทรคกิ้งก็ยังทำได้แค่พอใช้ เช่นเดียวกับระบบวิดีโอที่ไม่โดดเด่น  เหมือนเป็นฟังก์ชั่นแถมมากับกล้อง เพราะผู้ที่ใช้กล้อง X-Series ก็มักจะเน้นคุณภาพของภาพนิ่งมากกว่า แต่ด้วยความต้องการพัฒนาให้กล้อง FUJIFILM สามารถตอบสนองการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ทำให้ทีมวิศวกรและผู้ออกแบบต้องทำงานอย่างหนักในการพัฒนากล้องรุ่นใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงในทุกๆด้าน  ซึ่งมันคือที่มาของกล้องมิเรอร์เลสใหม่ภายใต้ชื่อ FUJIFILM X-T2
จุดเด่นของ  Fujifilm X-T2
การออกแบบภายนอกปรับได้ถนัดมือกว่าเดิม 
คุณภาพที่พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ  X-Tran CMOS III 
หน่วยประมวลผลชั้นยอด  X-Processor Pro 
เร็วอย่างที่มืออาชีพต้องการ 
ระบบออโตโฟกัสอันยอดเยี่ยม 
ช่องมองภาพที่สมบูรณ์แบบ 
ระบบวิดีโอ 4K คุณภาพสูง 
แข็งแกร่ง ทนทาน 
เพิ่มพลังด้วย Vertical Power Booster Grip 
ระบบการทำงานครบ 
 
การออกแบบภายนอก รูปลักษณ์ภายนอกไม่แตกต่างจาก X-T1 มากนัก ตัวกล้องมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ความเปลี่ยนแปลงที่จะเห็นได้อยู่ที่ส่วนบนของตัวกล้องโดยแป้นปรับต่างๆ แม้จะจัดวางเหมือนเดิม  แต่ X-T2 ออกแบบให้แป้นทุกอันสูงขึ้นเพื่อให้ปรับได้ถนัดมือกว่าเดิม ทั้งแป้นปรับความเร็วชัตเตอร์ แป้นปรับความไวแสง (ISO)  แป้นชดเชยแสง  การควบคุมจึงทำได้ง่ายขึ้น  และที่ดีมากคือ การออกแบบระบบล็อกแป้นปรับความเร็วชัตเตอร์และแป้นปรับความไวแสงโดยใช้ปุ่มตรงกลางแป้น  หากไม่กดปุ่มนี้จะสามารถปรับหมุนแป้นได้รอบตัวโดยไม่มีการล็อกที่ตำแหน่งใด ทำให้ปรับได้รวดเร็ว หากต้องการล็อกที่ตำแหน่งใดก็เพียงกดปุ่มตรงกลางลงไปยังตำแหน่งล็อกเท่านั้น ใช้งานง่าย เร็ว และคล่องตัวมาก ส่วนฐานของแป้นปรับความเร็วชัตเตอร์เป็นระบบชดเชยแสง  ปรับโดยก้านโยกข้างหน้า ส่วนฐานของแป้นปรับความไวแสงเป็นสวิทช์ปรับเลือกระบบ Drive แบบทีละภาพ (S)  ต่อเนื่องความเร็วตํ่า(CL) และต่อเนื่องความเร็วสูง(CH)  นอกจากนั้นยังใช้ปรับระบบถ่ายภาพซ้อน  ระบบถ่ายคร่อมอัตโนมัติ  Advanced Filter ระบบพาโนราม่าและระบบบันทึกวิดีโอ โดยเฉพาะระบบวิดีโอนั้นจะต้องปรับมาที่ตำแหน่งนี้แล้วใช้ปุ่มลั่นชัตเตอร์ในการบันทึกและหยุดบันทึก ไม่มีปุ่ม REC ของวิดีโอบนตัวกล้อง
แป้นควบคุมด้านหน้าและด้านหลังยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ปรับได้สะดวก แป้นด้านหลังสามารถกดลงไปเพื่อเลือกฟังก์ชั่นในการปรับตั้งได้ และเช่นเดียวกับ X-Pro2 โดยกล้องรุ่นนี้เพิ่มจอยสติ๊กที่ด้านหลังตัวกล้องเพื่อใช้ในการย้ายจุดโฟกัส สามารถย้ายได้ 8 ทิศทางโดยไม่ต้องปลดล็อกใดๆ  และหากต้องการใช้กล้องแสดงพื้นที่โฟกัสก็เพียงกดจอยสติ๊กลงไป กล้องจะแสดงกรอบสี่เหลี่ยมสีเขียว พร้อมจุดโฟกัสอื่นๆ (สีขาว) ที่สามารถปรับเลือกได้ โดยผู้ใช้สามารถขยายหรือย่อพื้นที่โฟกัสในโหมดจุดเดียว และโหมดโซนได้ตามต้องการว่าจะใช้พื้นที่เล็กหรือใหญ่ในการให้ระบบออโตโฟกัสทำงาน
ปุ่ม 4 ทิศทางสามารถเซ็ทให้ทำงานตามระบบที่ผู้ใช้ต้องการได้ โดยค่าที่เซ็ทมาจากโรงงานคือด้านบนปรับเลือกพื้นที่โฟกัส ปุ่มซ้ายปรับ Film Simulation ปุ่มขวาปรับระบบ White Balance ปุ่มล่างปรับเลือกโหมด Normal กับโหมด Boost (สำหรับการแสดงภาพ 50 และ 100 fps ในช่องมอง)
ที่เปลี่ยนไปจาก X-T1 อย่างชัดเจนคือจอ LCD ที่ออกแบบใหม่ นอกจากจะพับขึ้นลงได้แล้วยังสามารถง้างด้านซ้ายกางออกได้ (โดยกดปุ่มปลดล๊อกก่อน) จึงทำให้สามารถถ่ายภาพมุมสูง มุมตํ่าที่เป็นภาพแนวตั้งได้สะดวก มองภาพได้ชัดเจน จอ LCD มีขนาด 3.0 นิ้ว ความละเอียด 1.04 ล้านจุด
ช่องใส่การ์ดออกแบบเป็นแบบช่องคู่โดยใช้การ์ด SD สามารถบันทึกต่อเนื่องจากการ์ด 1 ไปการ์ด 2 ได้ บันทึกแบบ Back-up ลงทั้ง 2 การ์ดได้  หรือบันทึกแยกไฟล์ JPEG กับไฟล์ RAW คนละการ์ดได้
โดยรวมแล้ว X-T2 เป็นกล้องที่ออกแบบภายนอกได้ดีมากรุ่นหนึ่ง ซึ่งน่าจะถูกใจมืออาชีพหรือนักถ่ายภาพระดับจริงจัง เพราะใช้แป้นที่เป็นระบบกลไกหลายจุด ใช้งานคล่องตัว และเห็นการปรับตั้งระบบสําคัญๆ จากบนตัวกล้องเลย โดยไม่จำเป็นต้องเปิดสวิทช์ก่อน การจัดวางปุ่มปรับต่างๆ ก็นับว่าทำได้ดี
คุณภาพที่พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ 
หน่วยประมวลผลชั้นยอด   
เร็วอย่างที่มืออาชีพต้องการ  
 Fujifilm X-T2 เลนส์ XF100-400mmF4.5-5.6 R LM OIS WR โหมด M ชัตเตอร์ 1/1250 วินาที f/5.6, WB:Daylight, ISO800, ระบบโฟกัส AF-C (SET 6 CUSTOM) 11fps
 
ระบบออโตโฟกัสอันยอดเยี่ยม    
ระบบออโตโฟกัสทำงานได้น่าประทับใจจริงๆ ครับ ภาพชุดนี้บันทึกโดยใช้ระบบโฟกัสต่อเนื่อง AF-C แบบ SET 6 CUSTOM  โดยผมตั้งการตอบสนองของระบบ Tracking ที่ตำแหน่ง 3 และตั้งความเร็ว Tracking ที่ Auto ภาพนี้ใช้กับเลนส์รุ่นเก่าอย่าง XF 55-200mm f/3.5-4.8R LM OIS การโฟกัสยังเข้าทุกภาพจากทั้งหมด 9 ภาพที่บันทึก  กล้อง Fujifilm X-T2 เลนส์ XF 55-200mm f/3.5-4.8R LM OIS โหมด M ชัตเตอร์ 1/1250 วินาที f/5, WB : Auto, ISO1000, ระบบโฟกัส AF-C (SET 6 CUSTOM) 11fps
 
ด้วยการพัฒนาเซ็นเซอร์รับภาพใหม่ที่ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว แสดงภาพ Live View ได้รวดเร็ว ลดเวลาการหายไปของภาพในช่วงรอยต่อของแต่ละเฟรมประกอบกับหน่วยประมวลผล X-Processor Pro ที่ประมวลข้อมูลเร็วขึ้น 4 เท่า  กับอัลกอริธึมใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ X-T2 มีประสิทธิภาพในการโฟกัสติดตามวัตถุ ( AF Tracking ) สูงกว่าเดิมอย่างมาก ตอบสนองได้รวดเร็ว แทรคกิ้งได้รวดเร็วและแม่นยำ รองรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่น ภาพกีฬา ภาพแอคชั่นของสัตว์ป่า นก ได้อย่างดีเยี่ยม  โดย X-T2 ได้เพิ่มฟังก์ชั่น AF-C CUSTOM SETTINGS เพื่อให้ผู้ใช้เลือกรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวให้เหมาะกับการทำงานของระบบโฟกัสติดตามวัตถุเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด โดยจะมีการปรับตั้งสำเร็จรูปจากกล้องมาให้เลือกใช้ 5 SET และปรับตั้งเองได้ใน SET 6 CUSTOM โดยค่าที่ผู้ใช้สามารถปรับตั้งเองใน SET 6 คือ
Tracking Sensitivity   จะเป็นการสั่งการให้ระบบโฟกัสตอบสนองกับซับเจกต์ใหม่ที่เข้ามาอยู่ในจุดโฟกัสเร็วหรือช้า โดยสามารถตั้งได้ 5 ระดับ จาก 0-4 ที่ตำแหน่ง 0 กล้องจะเปลี่ยนการโฟกัสไปที่ซับเจกต์ใหม่ทันที  หากซับเจกต์ใหม่เคลื่อนเข้ามาบังซับเจกต์หลัก  ที่ตำแหน่ง 1 ไปจนถึง 4 การแทรคโฟกัสเข้าหาซับเจกต์ใหม่จะช้าลง โดยที่ตำแหน่ง 4 กล้องจะยังคงล็อกโฟกัสอยู่ที่ซับเจกต์หลักชั่วขณะจึงจะโฟกัสไปยังซับเจกต์ใหม่  ผู้ใช้ต้องเลือกให้เหมาะกับรูปแบบของภาพที่ถ่าย การเลือกผิดพลาดอาจทำให้กล้องโฟกัสผิดตำแหน่งได้ 
Speed Tracking Sensitivity เป็นการปรับรูปแบบการโฟกัสติดตามวัตถุของกล้องให้เหมาะสมกับความเร็วในการเคลื่อนที่ของซับเจกต์ หากซับเจกต์มีความเร็วในการเคลื่อนที่คงที่ควรปรับที่ตำแหน่ง 0 แต่ถ้าซับเจกต์มีการเปลี่ยนความเร็วอยู่เรื่อยๆ ควรปรับที่ 2 เพื่อให้ระบบโฟกัสคาคะเนโฟกัสล่วงหน้าได้แม่นยำขึ้น 
Zone Area Switching  การปรับตั้งนี้จะมีผลเมื่อผู้ใช้เลือกพื้นที่โฟกัสที่ตำแหน่ง Zone AF โดยจะปรับตั้งได้ 3 แบบคือ CENTER เพื่อให้กล้องเน้นการโฟกัสที่ตำแหน่งกลางของโซนเป็นหลัก AUTO กล้องจะแทรคตามซับเจกต์แรกที่คุณโฟกัสด้วยจุดโฟกัสภายในโซนนั้น และ FRONT เพื่อให้ระบบโฟกัสเลือกการโฟกัสที่ส่วนหน้าสุดภายในโซนเมื่อซับเจกต์หลักเคลื่อนออกไปนอกพื้นที่โฟกัส 
 
 
การเลือก SET 6 CUSTOM ผู้ใช้จะต้องมีความเข้าใจในเรื่องการตั้ง 3 ค่านี้ เพราะหากปรับตั้งผิดพลาดไม่ตรงกับรูปแบบการเคลื่อนไหวของซับเจกต์ อาจไม่ได้ผลดีอย่างที่ต้องการ ดังนั้น X-T2 จะมี SET 1 ถึง SET 5 ให้เลือกใช้โดยไม่ต้องปรับอะไรเลยเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานของช่างภาพที่เซ็ทอัพไม่เป็น โดยดูลักษณะภาพที่เหมาะสมจากภาพบนหน้าจอได้เลย
SET 1  เป็นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวทั่วไปเหมาะกับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่มีความเร็วคงที่ ไม่มีอะไรเคลื่อนมาบังซับเจกต์บ่อยๆ เช่น การถ่ายภาพวิ่งแข่ง (ตามภาพที่แสดงบนหน้าจอ) 
SET 2 เหมาะกับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่ซับเจกต์อาจหลุดออกนอกพื้นที่โฟกัสบ้างหรือมีวัตถุอื่นเคลื่อนเข้ามาบังซับเจกต์หลักชั่วขณะบ้าง กล้องจะล๊อกที่ซับเจกต์หลักโดยไม่โฟกัสที่วัตถุอื่นทันทีเช่น การถ่ายภาพแอคชั่นของสัตว์ หรือเด็กกำลังวิ่งเล่น 
SET 3 ให้ผลดีกับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่ซับเจกต์เปลี่ยนความเร็วอยู่ตลอดเวลาเหมาะกับเลนส์ที่ใช้มอเตอร์แบบลิเนียร์ในการโฟกัสติดตามวัตถุเช่น การถ่ายภาพรถแข่ง 
SET 4  เหมาะกับการถ่ายภาพแอคชั่นที่ซับเจกต์อาจหายไปจากเฟรมแล้วปรากฏในช่องมองอย่างฉับพลันเมื่อเคลื่อนกล้องตามทัน กล้องจะโฟกัสที่ซับเจกต์ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว 
SET 5 เหมาะกับการถ่ายภาพกีฬาหรือภาพเคลื่อนไหวที่ซับเจกต์เปลี่ยนความเร็วตลอดหรือเปลี่ยนทิศทางบ่อย ทำให้เข้าและออกในพื้นที่โฟกัสอยู่ตลอด เช่นการถ่ายภาพกีฬาเทนนิสเป็นต้น 
 
ภาพชุดนี้เป็นการถ่ายซับเจกต์ที่เคลื่อนเข้า หากล้องในแนวทแยง ผมเริ่มบันทึกตั้งแต่เจ็ตสกียังอยู่ในระยะไกล แล้วแทรคตามตลอด เมื่อเข้ามาถึงเฟรมล่างซ้ายก็มีการเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางและตีวงย้อนกลับ กล้องรุ่นนี้ยังสามารถ Lock-on ที่ซับเจกต์ได้อย่างแม่นยำ น่าพอใจ จากภาพทั้งหมดในชุดนี้ 21 ภาพ มีภาพหลุดโฟกัส (ไปที่นํ้า) เพียง 2 ภาพ  ที่เหลือโฟกัสเข้าทั้งหมด  กล้อง Fujifilm X-T2 เลนส์ XF100-400mmF4.5-5.6 R LM OIS WR โหมด M ชัตเตอร์ 1/1250 วินาที f/5.6, WB : Auto, ISO800, ระบบโฟกัส AF-C (SET 3) ความเร็ว 11 ภาพ / วินาที
 
เลือกพรีเซ็ทให้เหมาะสมก็จะได้ภาพที่ดีไม่ยาก เพียงแค่เคลื่อนกล้องตามซับเจกต์ให้ทันและกดชัตเตอร์ในจังหวะที่เหมาะสม นอกจากนั้น X-T2 ยังมีระบบ Eye Detection AF โดยกล้องจะเลือกจุดโฟกัสที่ตาของตัวแบบให้ทันทีที่ตรวจจับใบหน้าบุคคลได้ จึงโฟกัสได้อย่างแม่นยำเมื่อถ่ายภาพพอร์เทรตด้วยความชัดลึกน้อย ผู้ใช้สามารถเลือกตาซ้ายหรือตาขวาได้ หรือจะเลือกให้กล้องโฟกัสจากด้านที่อยู่ใกล้กับกล้องก็ได้ ส่วนระบบ MF ยังใช้งานได้สะดวกคล่องตัวเช่นเดิม โดยเลือกรูปแบบการโฟกัสได้ 3 แบบคือ มาตรฐาน (ขยายภาพแล้วปรับโฟกัส ) Digital Split Image (ปรับรอยต่อของเส้นในภาพที่แยกออกให้ตรง) และ Focus Peak Highlight (แสดงสีในส่วนที่อยู่ในระยะโฟกัส)
ช่องมองภาพที่สมบูรณ์แบบ 
ระบบวิดีโอ 4K คุณภาพสูง 
แข็งแกร่ง ทนทาน 
เพิ่มพลังด้วย Vertical Power Booster Grip 
ระบบการทำงานครบ 
ผลการใช้งาน  
ผมได้รับกล้องรุ่นนี้มาพร้อมเลนส์ XF 10-24mm. f/4 OIS, XF 90mm.f/2R WR, XF 100-400mm. f/4.5-5.6R LM OIS WR โดยได้ทดสอบระบบออโต้โฟกัสกับเลนส์ XF 100-400mm. ทดสอบความคมชัดการถ่ายทอดรายละเอียดกับเลนส์ XF90mm.f/2 ซึ่งเป็นเลนส์ที่ดีที่สุดของ FUJINON (ในความเห็นส่วนตัว) การเปลี่ยนแปลงจาก X-T1 มาเป็น X-T2 นั้น สิ่งที่เปลี่ยนน้อยที่สุดคือรูปลักษณ์ภายนอก แต่ในส่วนของเทคโนโลยี  ฟังก์ชั่น  ระบบออโตโฟกัสและความเร็วนั้น กล้องรุ่นนี้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก มากจนต้องกล่าวว่า หากกำลังจะตัดสินใจกับกล้องมิเรอร์เลสสักตัวที่ใช้งานได้ทุกรูปแบบ ขยับจาก X-T1 มาเป็น X-T2 เถอะครับ แม้ราคาขายตอนนี้จะแตกต่างกันพอควร แต่มันจะตอบแทนด้วยความสนุก คุณภาพความประทับใจ จนคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่คุณจ่ายไป  อย่างแรกคือระบบออโตโฟกัส  X-T2 คือกล้องที่สามารถถ่ายมอเตอร์สปอร์ต กีฬาเอ็กซ์สตรีม กีฬาทั่วไป และภาพแอ็คชั่นได้ทุกรูปแบบ ประสิทธิภาพในการโฟกัสติดตามวัตถุทำได้ดีจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือกล้องมิเรอร์เลส  กล้องที่ผมไม่เคยเชื่อมั่นในเรื่อง AF Tracking
 Fujifilm X-T2 เลนส์ XF100-400mmF4.5-5.6 R LM OIS WR โหมด M ชัตเตอร์ 1/1000 วินาที f/5.6, WB : Auto, ISO3200, AF-C SET 6 CUSTOM, ความเร็ว 11 ภาพ / วินาที
 
จากการถ่ายภาพกีฬาทางนํ้าทั้งเวคบอร์ด เจ็ตสกี พบว่าการโฟกัสติดตามซับเจกต์ในโหมด AF-C (Zone AF) ทำได้น่าประทับใจมาก ผมปรับตั้งระบบ AF-C Custom setting ที่ set 3 พบว่าทำงานได้น่าพอใจมาก แต่ได้ลองปรับตั้งระบบ set 6 โดยปรับการตอบสนองของระบบแทรคกิ้งไว้ที่ตำแหน่ง 3 ให้กล้อง Lock on ที่ซับเจกต์หลักนานหน่อย ปรับความเร็วในการแทรคกิ้งที่ Auto และการเลือกตำแหน่งโฟกัสใน Zone AF ที่ Auto ก็พบว่าได้ผลน่าพอใจมากเช่นกัน โดยปรับขนาดของ Zone AF ที่ 3×3 สำหรับสภาพฉากที่มีวัตถุอื่นๆ ในภาพเยอะ เพื่อให้กล้องโฟกัสเจาะจงที่ซับเจกต์มากขึ้น แต่ถ้าเป็นกีทางน้ำ เช่น เจ็ตสกี ผมจะใช้พื้นที่ขนาด 5×5 ซึ่งจะช่วยให้การเคลื่อนกล้องตามซับเจกต์ทำได้ง่าย ไม่หลุดออกนอกกรอบพื้นที่ Zone
  Fujifilm X-T2 เลนส์ XF 100-400mm F4.5-5.6 R LM OIS WR โหมด M ชัตเตอร์ 1/2000 วินาที f/5.6 , WB : Auto, ISO 500, AF-C SET 3, ความเร็ว 11 ภาพ / วินาที
 
ในการทำงานกล้องจะแสดงจุดโฟกัสที่ใช้งานด้วยกรอบสีเขียวในพื้นที่ Zone สลับไปมาตามตำแหน่งการโฟกัส แสดง 1 กรอบบ้าง 2 กรอบบ้าง บางครั้งอาจแสดงพร้อมกันถึง 8-9 กรอบ การแสดงจุดโฟกัส ที่ใช้งานอยู่ของโหมด AF-C ทำให้เรามั่นใจได้ว่าขณะที่กำลังติดตามภาพอยู่นั้น ระบบโฟกัสยังแทรคกิ้งอยู่ หากเคลื่อนกล้องตามซับเจกต์มาตั้งแต่ระยะไกล กล้องจะล็อกโฟกัสตามได้ตลอด สามารถลั่นชัตเตอร์ได้ตลอดเวลา โดยกล้องมีความเร็วสูงสุด 8 ภาพ / วินาที แต่ถ้าใช้กริปแนวตั้งในโหมด Boost จะเพิ่มความเร็วได้ถึง 11 ภาพ/วินาที และถ้าใช้ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิคส์จะมีความเร็วสูงสุดถึง 14 ภาพ/วินาที แต่ในการใช้งานผมจะใช้ชัตเตอร์แมคคานิคเป็นหลัก เพราะหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องดิสทอร์ชันของชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์เมื่อถ่ายภาพวัตถุเคลื่อนไหวเร็วๆ  ส่วนการโฟกัสแบบฉับพลันคือ ยกกล้องขึ้นถ่ายทันที ซับเจกต์จะเบลอภาพแรก เกือบชัดในภาพที่สอง และเข้าโฟกัสในภาพที่สาม หลังจากนั้นกล้องจะโฟกัสตามซับเจกต์ได้ตลอด ซึ่งนับว่าให้ผลน่าประทับใจมากครับ ทำได้เกือบเท่ากล้อง DSLR ระดับโปรเลยทีเดียว
ในการใช้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวผมจะไม่ใช้พื้นที่โฟกัสแบบ Wide Tracking และ Single Point ใช้ในโหมด Zone จะให้ผลดีกว่า ทั้งประสิทธิภาพและความแม่นยำ การเคลื่อนกล้องติดตามซับเจกต์ทำได้ดีกว่ารุ่นเดิมอย่างมากครับ  ด้วย Blackout Time ที่น้อยกว่าเดิมเกือบ 3 เท่า ทำให้กล้องแสดงภาพได้ต่อเนื่องราบลื่นกว่า การตามภาพจึงไม่เป็นปัญหาเหมือนเดิม  แม้ว่าจะยังเทียบกับกล้อง DSLR ระดับโปร (ช่องมองออพติคัล) ไม่ได้  แต่ความแตกต่างน้อยลงมาก และมาพร้อมข้อดีคือ การแสดงค่าแสงจริงให้เห็นจากในช่องมอง แสดงสีสันที่แท้จริงให้เห็นก่อนบันทึก ทำให้เมื่อลั่นชัตเตอร์จะตัดปัญหาเรื่องโอเวอร์อันเดอร์ สีผิดเพี้ยนไปได้เลย
  Fujifilm X-T2 เลนส์ XF 90mm F2 R LM WR โหมด M ชัตเตอร์ 1/160 วินาที f/5.6, ISO400
 
ในสภาพแสงน้อย การโฟกัสทำได้แม่นยำ เพียงแต่ความเร็วจะลดลงอย่างสังเกตได้กับเลนส์ไวแสงอย่าง XF 90mm. f/2 ไม่ใช่ปัญหา แต่กับ XF 100-400mm. f/4.5-5.6 จะเห็นความแตกต่าง โดยเฉพาะเมื่อซูมออกไปที่ช่วง 400มม. สรุปโดยรวมเรื่องประสิทธิภาพระบบออโตโฟกัส คือทำได้ดีมาก โดยเฉพาะกับเลนส์ XF50-140mm. f/2.8R LM OIS WR และ XF100-400mm.f/4.5-5.6R LM OIS WR
ในส่วนของคุณภาพไฟล์ทำได้เหมือนกับ X-Pro2 ทุกประการ  รายละเอียดดีมากเมื่อดูภาพด้วยอัตราขยาย 100% ในคอมพิวเตอร์  โดยเฉพาะเมื่อใช้เลนส์ XF 90mm.f/2 จะเห็นได้ชัดว่า  รายละเอียดที่ได้สูงขึ้นไปจาก X-T1 อีกเล็กน้อย แสดงศักยภาพของเลนส์ได้ดีขึ้นไปอีกระดับ  ด้วยความละเอียด 24 ล้านพิกเซลกับเลนส์ชั้นดี มันสามารถให้ความคมชัดเทียบเคียงกล้องฟูลเฟรมความละเอียด 24 ล้านพิกเซลได้เลยครับ ผมแทบไม่เห็น
การถ่ายทอดสียังเป็นจุดเด่นของฟูจิฟิล์ม ให้ภาพไฟล์ JPEG ที่มีสีสันสดใส ไม่แห้ง ดูสดชื่นและคอนทราสต์ดี โดยไม่จำเป็นต้องปรับ Curve หรือ Level เพิ่มเติม ก็พร้อมสำหรับการนำไปใช้งานได้ทันที  สัญญาณรบกวนของ X-T2 ทำได้ดีมาก เมื่อพิจารณาจากขนาดของเซ็นเซอร์รองรับภาพ APS-C  ที่ ISO 200-800 ภาพมีรายละเอียดสูง สัญญาณรบกวนตํ่ามาก ภาพจึงดูสะอาดตาทั้งในส่วนสว่างและส่วนมืด  ที่ ISO 1600 จะเริ่มเห็น
  Fujifilm X-T2 เลนส์ XF100-400mmF4.5-5.6 R LM OIS WR โหมด M ชัตเตอร์ 1/125 วินาที f/5.6, ISO800
 
ความเร็วในการทำงานน่าประทับใจมากครับ  มีกล้องมิเรอร์เลสน้อยรุ่นมากที่จะตอบสนองได้เร็วขนาดนี้  โดยเฉพาะเวลาในการเปิดกล้องจนพร้อมถ่ายที่ทำได้น่าประทับใจ  การตอบสนองของปุ่มปรับ การตอบสนองของช่องมองภาพที่เร็วและมองภาพสบายตาแม้แพนกล้อง
นี่คือกล้องมิเรอร์เลสที่ใช้งานสนุกมาก ให้ฟีลลิ่งดีสำหรับการใช้งานจริงจัง การควบคุมกล้องทำได้ง่าย คล่องตัว จอยสติ๊กทำให้การย้ายจุดโฟกัสทำได้เร็วกว่าเดิมมาก ในส่วนของระบบวิดีโอนั้น ให้ผลที่เหนือกว่าเดิมอย่างมาก ไม่เฉพาะไฟล์ 4K นะครับ แค่บันทึกด้วยฟอร์แมต Full HD ก็เห็นความแตกต่างแล้ว ภาพมีรายละเอียดดีขึ้นและปรับเฟรมเรทได้ถึง 50P ทำให้การเคลื่อนไหวนุ่มนวลกว่าและสามารถทำ Slow Motion ระดับ 2X ได้  การโฟกัสในภาควิดีโอก็ทำได้ดี
ความเห็น 
ซ้าย : โฟกัสที่เร็วมากทำให้ถ่ายภาพแคนดิดได้ง่าย  Fujifilm X-T2 เลนส์ XF100-400mmF4.5-5.6 R LM OIS WR โหมด M ชัตเตอร์ 1/250 วินาที f/5.6, ISO640
 
FUJIFILM X-T2 เป็นกล้องมิเรอร์เลสที่น่าสนใจมากที่สุดรุ่นหนึ่งในขณะนี้ ด้วยคุณภาพไฟล์ที่ดีมาก ด้วยประสิทธิภาพของระบบออโตโฟกัสและการออกแบบช่องมองภาพที่ดีเยี่ยมในการถ่ายภาพแอคชั่น  เป็นกล้องที่ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ รองรับการทำงานตั้งแต่มืออาชีพ ระดับจริงจัง ไปจนถึงมือสมัครเล่นสำหรับผู้ที่ใช้ X-T1 อยู่ และอยากรู้ว่าคุ้มหรือไม่ที่จะเปลี่ยน ก็คงต้องตอบว่า หากคุณอยากได้ภาพที่มีรายละเอียดสูงขึ้น ถ่ายแอคชั่นได้ดีขึ้น ถ่ายวิดีโอได้ดีมาก ใช้สนุกขึ้นก็คุ้มค่าที่จะเปลี่ยน  เป็นกล้องที่อยู่ในระดับแนะนำเป็นพิเศษเลยครับ
 
เรื่อง / ภาพ : อิสระ เสมือนโพธิ์
 
พรีวิว Fujifilm X-T2 กล้องที่สร้างมาเพื่อสรรสร้างงานภาพที่สมบูรณ์เเบบ เด่นทั้งภาพนิ่ง เเละวีดิโอ 
 
<iframe frameborder="0" height="375" id="aswift_0" marginheight="0" marginwidth="0" name="aswift_0" scrolling="no" src="https://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-7287506142043302&output=html&h=375&adk=2907982658&adf=2883403550&w=537&cr_col=4&cr_row=2&fwrn=2&lmt=1707788620&rafmt=9&format=537x375&url=https%3A%2F%2Fwww.photoschoolthailand.com%2F%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7-fujifilm-x-t2-%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25A1%2F&crui=image_stacked&fwr=0&wgl=1&dt=1707788620625&bpp=5&bdt=1549&idt=217&shv=r20240208&mjsv=m202402060101&ptt=9&saldr=aa&abxe=1&correlator=6738113026&frm=20&pv=2&ga_vid=794228113.1707788620&ga_sid=1707788621&ga_hid=1014907520&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=1&u_h=1080&u_w=810&u_ah=1080&u_aw=810&u_cd=24&u_sd=2&adx=15&ady=910&biw=810&bih=914&scr_x=0&scr_y=0&eid=44759875%2C44759926%2C44759837%2C44808398%2C31081107%2C44795921%2C95324581%2C31081006%2C95320376%2C95324154%2C95324161%2C95324262&oid=2&pvsid=1648474152167875&tmod=91241496&uas=3&nvt=1&ref=https%3A%2F%2Fwww.google.com%2F&fc=640&brdim=0%2C0%2C0%2C0%2C810%2C0%2C810%2C914%2C810%2C914&vis=1&rsz=%7C%7CoeE%7C&abl=CS&pfx=0&fu=128&bc=31&bz=1&ifi=1&uci=a!1&fsb=1&dtd=245" style="box-sizing: border-box; margin: 0px; padding: 0px; max-width: 100%; left: 0px; position: absolute; top: 0px; border-width: 0px; border-style: none; width: 537px; height: 375px;" width="537" data-google-container-id="a!1" data-google-query-id="CMLZ8rCYp4QDFVoZgwMd_CkBQQ" data-load-complete="true"></iframe>
  
 
Fujifilm X-T2 เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของค่ายที่มาพร้อมกับตัวเซนเซอร์ X-Tran CMOS III ขนาด APS-C ให้ความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล พร้อมกับหน่วยประมวลผลภาพ X-Processor Pro ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า นอกจากนี้ในส่วนของบอดี้ยังมีความแข็งแรงทนทานพร้อมที่จะนำไปใช้งานได้ทุกสถานการณ์ซึ่งเหมาะกับบรรดาช่างภาพมืออาชีพอย่างมาก แป้นควบคุมด้านหน้าและด้านหลังปรับได้สะดวก โดยแป้นด้านหลังสามารถกดลงไปเพื่อเลือกฟังก์ชั่นในการปรับตั้งได้ด้วย 
 
 
คุณสมบัติเด่น Fujifilm X-T2 
เซนเซอร์ X-Tran CMOS III ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล 
หน่วยประมวลผลชั้นยอด X-Processor Pro 
จอย Joystick เลือกตำแหน่งออโต้โฟกัส 
ช่องมองภาพอัตโนมัติ OLED EVF ความละเอียด 2.36 ล้านจุด  
หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1.04 ล้านจุด  
บันทึกวีดิโอ 4K UHD ที่ 30 เฟรมต่อวินาทีในช่วง 10 นาที  
ถ่ายต่อเนื่อง 8 เฟรมต่อวินาทีด้วยระบบออโต้โฟกัส  
ถ่ายต่อเนื่อง 5 เฟรมต่อวินาทีด้วยโหมด Live View  
ถ่ายต่อเนื่อง 14 เฟรมต่อวินาทีด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ 
ช่องใส่การ์ด Dual SD  
USB 3.0  
 
 
VIDEO 
 
 
เซ็นเซอร์ใหม่ X-Tran CMOS III ขนาด APS-C ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล  
ส่วนสำคัญของกล้องรุ่นนี้ก็คือเซ็นเซอร์ใหม่ X-Tran CMOS III ขนาด APS-C ที่มีความละเอียด 24 ล้านพิกเซล พร้อมจุดโฟกัสของระบบเฟสดีเทคชั่น (Phase Detection) เพื่อตรวจจับความเปรียบต่างของแสงระหว่างแสงที่ไปเมื่อต้องการถ่ายภาพในสภาพที่แสงน้อย 169 จุดซึ่งคุณจะพบเห็นระบบเซนเซอร์แบบนี้ได้ในกล้องรุ่น X-Pro2 แต่มีอยู่ในรุ่น X-T2 
 
 
จุดโฟกัส 325 จุด  
สำหรับฟูจิฟิล์มยังได้เพิ่มประสิทธิภาพในส่วนของหน่วยประมวลผล ระบบต่าง ๆ รวมไปถึงการที่เซ็นเซอร์มีการอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาในเรื่องของความเร็วกล้อง หากพิจารณาในการใช้แบบผสมผสานระหว่าง Phase Detection กับ Contrast Detection (โหมด Hybrid AF) การทำงานถือว่าดีเยี่ยมด้วยระบบ AF ที่มีการปรับปรุงใหม่ โดยงานนี้ Fujifilm X-T2 ยังได้มีการแนะนำการใช้แบบพื้นฐานด้วยการตั้งค่าระบบ AF-C ซึ่งสิ่งนี้เราคงเคยเห็นกับกล้องระดับไฮเอนด์อย่าง Canon DSLR ฉะนั้นมันจะทำให้คุณสามารถจับภาพเคลื่อนไหวได้อย่างที่คุณคาดหวัง 
 
ความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า ด้วย X-Processor Pro  
X-T2 เปลี่ยนหน่วยประมวลผลมาเป็น X-Processor Pro ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าเดิมถึง 4 เท่า และด้วยการเพิ่มหน่วยความจำภายในและเพิ่มกำลังของวงจร ทำให้กล้องสามารถประมวลผลภาพได้เร็ว ให้ภาพที่มีคุณภาพสูง รวมทั้งยังมีการตอบสนองฉับไวยิ่งขึ้น ลดเวลาการทำงานในระหว่างช็อตต่อช็อตลง ลด Time – Lag ของชัตเตอร์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบ AF Tracking ได้สูงกว่าเดิมมาก แสดงภาพ Live View ได้เร็วขึ้นทำให้กล้องมีเวลาในการประมวลผลจากภาพ Live View มากขึ้น
 
การบันทึกวีดิโอ  
Fujifilm X-T2 ยังมีการพัฒนาในเรื่องการบันทึกวีดิโอมากกว่าที่คุณคาดคิดเอาไว้ โดยสามารถบันทึกวีดิโอ 4K แต่ยังมีการพัฒนาขึ้นไปอีก พร้อมกับช่องสำหรับเสียบไมค์ และหน้าจอออดิโอที่สามารถกำหนดเสียงไมค์ด้วยปุ่ม Fn และยังมีฟังก์ชั่น F-Log ที่จะช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นจึงสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีทั้งส่วนสว่างและส่วนมืด 
 
การบันทึกภาพแบบ 4K พร้อมกับความละเอียดสูงกว่า 1080p 
นอกจากนี้กล้องรุ่นนี้ยังเป็นกล้องมิเรอร์เลสส์รุ่นแรกจากค่ายฟูจิฟิล์ม ที่มีการพัฒนาในเรื่องการบันทึกภาพแบบ 4K พร้อมกับความละเอียดสูงกว่า 1080p พร้อมคุณภาพระดับ 4K (30p,25p,24p) โดยมีปริมาณของข้อมูลที่ส่งในหนึ่งหน่วยเวลา (bit rate) ที่ให้ความไวสูงถึง 100 Mbps ให้รายละเอียดเยี่ยมยอด โดยแทบไม่มีมอเร่ (moire) 
ฟูจิฟิล์ม ยังระบุว่ามีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 1.8 เท่าซึ่งมากกว่าสำหรับพื้นที่ในการบันทึกแบบ 4K UHD ขณะเดียวกันก็ยังสามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ในตัว แต่ถ้าต้องการคุณภาพสูงยังสามารถ ต่อกับเครื่องบันทึกภายนอกผ่านพอร์ต HDMI ในฟอร์แมต 4:2:2 ไร้การบีบอัดให้คุณภาพสูงทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับ Film Simulation ต่างๆ ได้ ทำให้สามารถสร้างสรรค์งานให้ได้โทนสีตามต้องการ 
 
ควบคุมการบันทึกวีดิโอแบบออโต้โฟกัส เลือกโฟกัสไปที่เป้าหมายที่ต้องการได้ 
สำหรับการโฟกัสวีดิโอในกล้องรุ่นนี้มีการควบคุมการบันทึกวีดิโอแบบออโต้โฟกัส พร้อมกับทำให้คุณเปลี่ยนแปลงสิ่งสำคัญที่คุณสามารถเลือกได้ด้วยการใช้โหมด “Multi” และโหมด “Single” ซึ่งคุณจะโฟกัสไปที่เป้าหมายที่ต้องการเป็นพิเศษ สำหรับเป้าหมายนี้อาจจะเคลื่อนไหวในขณะที่คุณบันทึกภาพ และกล้องก็จะทำการปรับโฟกัสใหม่ให้เข้ากับเป้าหมาย ในส่วนของระบบ AF-L เพื่อหยุดกล้องในการปรับโฟกัสใหม่เมื่อคุณไม่ต้องการ 
 
 
บอดี้ และการควบคุม 
สำหรับตัวบอดี้ของ Fujifilm X-T2 มีความคล้ายคลึงกับรุ่น X-T1โดยยังคงสไตล์กล้อง SLR ยุค 80 และมีปุ่มควบคุมโดยตรงในส่วนของ Shutter Speed, ระบบความไวแสง ISO และการปรับค่าชดเชยการเปิดรับแสง รวมไปถึงแป้นคำสั่ง ที่อยู่ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
 
 
โครงสร้างผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย ป้องกันฝุ่นละอองนํ้า ใช้งานได้ทุกสภาพอากาศ  
โครงสร้างภายนอกทั้งตัวที่ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย มีการซีลรอบตัวกล้องถึง 63 จุด เพื่อป้องกันฝุ่นและละอองนํ้า จึงใช้งานได้ทุกสภาพอากาศ ขณะที่ตัวกริปมีความลึก และยังมีส่วนของจอยสติ๊ก (Joystick) ที่อยู่ด้านหลังของกล้อม และยังมีช่องสำหรับเสียบสายรีโมท 
 
 
ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ ( EVF) เห็นภาพชัดเจน รายละเอียดสูง ขนาดภาพใหญ่ โดยมีความละเอียดสูงถึง 2.36 ล้านจุด  
สำหรับช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ ( EVF) ทำให้คุณสามารถมองภาพได้สบายตา เห็นภาพชัดเจน รายละเอียดสูง ขนาดภาพใหญ่ โดยมีความละเอียดสูงถึง 2.36 ล้านจุด มีอัตราขยายถึง 0.77x มุมมองภาพแนวนอน 31 องศา ถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆ
สำหรับช่องมองภาพจะมีความเหมือนกับตัวรุ่น X-T1 โดยในรุ่น X-T2 จะให้ความรวดเร็วมากกว่า มีการตอบสนองที่มากขึ้นแบบฉับไวโดยสามารถถ่ายได้ 60 เฟรมต่อวินาที (มากกว่า รุ่น X-T1 ที่ทำได้ 55 เฟรมต่อวินาที) และยังเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 100 เฟรมต่อวินาทีจากการใช้โหมด “Performance Boost”
 
แน่นอนว่าในการทำแบบนี้ได้ต้องใช้ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) และหากมีการปรับมาใช้โหมด “Performance Boost” จะทำให้การแสดงภาพเคลื่อนไหวราบเรียบนุ่มนวล ไม่กระตุก และด้วยการลดช่วงเวลาที่หายไปของภาพในช่องมอง (Blackout Time) ลงกว่ารุ่นเดิมเกือบ 3 เท่าตัว ทำให้กล้องแสดงภาพในช่องมองได้ต่อเนื่องกว่า การเคลื่อนกล้องติดตามภาพทำได้ง่ายกว่า เมื่อถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็ว 8 เฟรมต่อวินาที หรือ 11 เฟรมต่อวินาที 
 
ขณะที่ในส่วนของ Shutter Speed และความไวแสง ISO อยู่ด้านบนตัวกล้อง มีการเปลี่ยนจากปุ่มล็อคแบบเก่าที่ต้องกดแช่ค้างไว้พร้อมๆกับหมุนปรับค่าชัตเตอร์หรือ ISO เป็นแบบกดยุบเพื่อล็อค กดอีกทีเด้งขึ้นมาปลดล็อค ทำให้ใช้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท นอกจากนี้ยังมีการปรับค่าชดเชยการเปิดรับแสงในตำแหน่ง “C” ซึ่งสามารถควบคุมได้แบบไม่ต้องใช้มือในการปรับค่าชดเชยการเปิดรับแสง นอกจากนี้ระบบชดเชยแสงที่ปรับได้ตั้งแต่ ±3EV ไปจนถึง ±5EV 
 
ระบบออโต้โฟกัส รวดเร็ว แม่นยำสูง 
ในส่วนของระบบออโต้โฟกัสไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับกล้องในตระกูล X Series โดยมีหลายระบบที่สามารถใช้ได้สำหรับรุ่น X-T2 ได้แก่ Face/Eye Detection กล้องสามารถใช้ระบบ Face Detection ในขณะที่ตรวจจับความแตกต่างจากแสงในภาพ Contrast Detection โดยระบบ AF จะทำการวิเคราะห์ภาพเพื่อเลือกจุดโฟกัสที่จะใช้ และจากนั้นก็จะใช้การตรวจจับความเปรียบต่างของแสงระหว่างแสง Phase Detection ในจุดโฟกัสที่ต้องการ 
หมายความว่าคุณจะได้การโฟกัสที่แม่นยำในระดับสูง แต่ด้วยการลดความเร็ว (โดยเฉพาะในสภาวะที่มีแสงน้อย) จะทำให้เลนส์มีการโฟกัสช้า โดยเฉพาะในช่วงที่ไล่ตามวัตถุที่ต้องการ อย่างไรก็ตามระบบจะทำงานได้ดีในสภาพวะที่มีแสงเยอะ ขณะที่ตัว Eye Detection จะเป็นการใช้ประโยชน์เสริมเมื่อต้องใช้กับงานที่มีความเร็วสูง
 
AF-C โฟกัสสิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง  
สำหรับกล้องรุ่น X-T2มีความสามารถในการปรับหมุนการทำงานของระบบออโต้โฟกัสได้ดีเยี่ยม โดยคุณสมารถเลือกรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวให้เหมาะกับการทำงานของระบบโฟกัสติดตามวัตถุเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด โดยจะมีการปรับตั้งสำเร็จรูปจากกล้องมาให้เลือกใช้ 5 Set และปรับตั้งเองได้ใน Set 6 Custom ในส่วนของ AF-C มีให้เลือก 3 ระดับ ได้แก่
Tracking Sensitivity จะเป็นการสั่งการให้ระบบโฟกัสตอบสนองกับวัตถุใหม่ที่เข้ามาอยู่ในจุดโฟกัสเร็วหรือช้า โดยสามารถตั้งได้ 5 ระดับ จาก 0-4 ที่ตำแหน่ง 0 กล้องจะเปลี่ยนการโฟกัสไปที่วัตถุใหม่ทันที ที่สำคัญคุณต้องเลือกระบบให้เหมาะกับรูปแบบของภาพที่ถ่าย การเลือกผิดพลาดอาจทำให้กล้องโฟกัสผิดตำแหน่งได้ 
Speed Tracking Sensitivity เป็นการบอกว่ากล้องจะมีการคาดเดาการเคลื่อนไหวของวัตถุว่าจะเป็นแบบไหน ซึ่งนั่นหมายความว่ากล้องจะปรับรูปแบบการโฟกัสติดตามวัตถุของกล้องให้เหมาะสมกับความเร็วในการเคลื่อนที่ของวัตถุหากวัตถุมีความเร็วในการเคลื่อนที่คงที่ควรปรับที่ตำแหน่ง 0 แต่ถ้าวัตถุมีการเปลี่ยนความเร็วอยู่เรื่อยๆ ควรปรับที่ 2 เพื่อให้ระบบโฟกัสคาคะเนโฟกัสล่วงหน้าได้แม่นยำขึ้น 
Zone Area Switching คุณต้องเลือกระบบโฟกัสไปเป็นแบบ Zone AF จากนั้นก็เลือกระบบย่อยเป็น Center เพื่อให้กล้องเน้นการโฟกัสที่ตำแหน่งกลางของโซนเป็นหลัก ตามด้วย Auto กล้องจะตามวัตถุแรกที่คุณโฟกัสด้วยจุดโฟกัสภายในโซนนั้น และ Front เพื่อให้ระบบโฟกัสเลือกการโฟกัสที่ส่วนหน้าสุดภายในโซนเมื่อวัตถุหลักเคลื่อนออกไปนอกพื้นที่โฟกัส 
 
 
 
หน้าจอ LCD ปรับได้ 3 ทิศทาง  
Fujifilm X-T2 มีหน้าจอ LCE ที่สามารถปรับได้ 3 ทิศทาง โดยปรับขึ้นลงเมื่อต้องการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ และปรับไปด้านบนเมื่อต้องการถ่ายภาพคน นอกจากนี้เลนส์ยังสามารถปรับได้ง่ายเวลาที่ถ่ายภาพในมุมสูง และมุมต่ำ พร้อมความกว้างหน้าจอ 3 นิ้วพร้อมกับเคลือบกระจกนิรภัย ให้ความละเอียด 1.04 ล้านจุด 
สำหรับ แบตเตอรี่ ในรุ่น X-T2 สามารถรองรับการชาร์จด้วย USB และรวมทั้งการชาร์จจากภายนอกทำให้ง่าย ซึ่งมั่นใจได้เลยว่ากล้องพร้อมที่จะออกไปใช้งานได้เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณต้องการ นอกจากนี้แบตฯ ยังสามารถใช้งานในการถ่ายได้ 340 ภาพ 
 
Dual SD slot 
ช่องใส่การ์ด Dual SD สามารถใส่การ์ด SD ได้ 2 การ์ดเพื่อจะได้มีอัตราในการเก็บข้อมูลได้สูงขึ้น โดยทั้งช่อง Slot 1 และ Slot 2 ยังสามารถใช้งานร่วมกับ UHS-II เพื่อจะได้เพิ่มความเร็วในการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยคุณยังสามารถใช้ทั้งสองช่องเพื่อบันทึกได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกด้วยไฟล์ RAW ใน Slot 1 และไฟล์ JPEG ใน Slot 2 หรือจะกำหนดหนึ่งใน Slot ใช้สำหรับเก็บวีดิโอก็ได้
 
ภาพตัวอย่างจากกล้อง Fujifilm X-T2